ประกัน, สูงอายุ

ประกันชีวิตสำหรับคนสูงอายุ
    จะเห็นได้ว่าความต้องการสินค้าประกันชีวิตมีสูงมาก วัดจากบริษัทประกันชีวิตต่างก็เเข่งขันกันทางด้านโฆษณาเจาะกลุ่มเป้าหมายคือผู้สูงอายุ หรือวัย BABY BOOM  ในยุคหลังเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง       มีอัตราการเกิดมากที่สุด ทำให้ประชากรในกลุ่มนี้มากกว่าทุกกลุ่ม และอีกไม่ช้าก็จะมีแต่สังคมผู้สูงอายุ      ฉนั้นประกันชีวิตจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการสร้างความมั่นคง สร้างกองมรดกสำหรับทายาท สร้่างเงินบำนาญ เงินเกษียณอายุ สร้่างสวัสดิการค่ารักษาพยาบาล ประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษี
    เพราะในช่วงวัยหนุ่มอาจพลาดโอกาสที่จะทำประกับชีวิตหรือเก็บออมเงิน แต่ก็ยังไม่สายเพราะยุคนี้คือยุคแห่งการเเข่งขันบริษัทประกันได้ออกแบบประกันชีวิตมาเพื่อคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ เเต่การส่งเบี้ยอาจต้องใช้จำนวนเงินที่สูงกว่าปกติเพราะว่า เบี้ยประกันคิดตามอายุเริ่มต้นที่ส่งเบี้ย เเบบเดียวกัน อายุต่างกันเบี้ยประกันก็สูงกว่า ถ้าเป็นเเบบเน้นควมคุ้มครองก็อาจถูกกว่าการออม เปรียบเสมือนการเดินขึ้นเขาที่ลาดชัน ย่อมเหนื่อยเเละอาจไม่ถึงเป้าหมาย  จากการสำรวจตลาดพบว่าคนยิ่งสุงอายุยิ่งมีความต้องการประกันชีวิต
เพิ่มขึ้น แต่ไม่มีกำลังส่งเบี้ย ลองไปถามคนอายุ  85 ดูนะคะเเล้วจะรู้ว่าทำไมประกันชีวิตต้องขายผ่านตัวเเทน คำตอบคือ ประกันชีวิตเป็นสินค้าที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ ทำให้คนส่วนใหญ่นึกถึงประกันชีวิตเป็นสิ่งสุดท้าย ที่จะซื้อเมื่อมีเงิน แต่ถ้าไม่มีตัวเเทนมาขายก็อาจลืมไปเลย มารู้ตัวอีกทีตอนที่ เจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุเเล้ว ถึงวันนั้นตัวเเทนประกันชีวิตก็อยากขายมากค่ะ เเต่บริษัทประกันอาจไม่รับประกันเเล้ว
กว่าจะคิดได้ก็สายเกินไปเเล้วค่ะ

ประกันชีวิตเพื่อกองทุนการศึกษา

ประกันชีวิตเพื่อกองทุนการศึกษา
     ในยุคเศรษกิจเช่นนี้ หลายคนไม่อาจปฎิเสธได้ว่าการกู้ยืมเงิน หรือการจำนำจำนองทรัพย์สินเพื่อนำเงินไปเป็นค่าเทอมให้บุตรหลาน เป็นเรื่องปกติของคนไทยไปเเล้ว ช่วงเปิดเทอมสื่อหลายสำนักประโคมข่าวการเข้าโรงจำนำของประชาชน เป็นการขายข่าว ดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้าทุกคนเตรียมเงินส่วนนี้ไว้ หรือวางเเผนความพร้อมทางการเงินไว้ล่วงหน้าปัญหาก็จะน้อยลงกว่านี้  เเล้วยิ่ง ปี2554 ที่ผ่านมาน้ำท่วมใหญ่ เเละนานในหลายจังหวัด รวมถึง กรุงเทพ ด้วย เปิดเทอมปีนี้คงเดือดร้อนกันหลายครอบครัวทีเดียวค่ะ แต่ชีวิตต้องสู้และดิ้นรนต่อไปค่ะ
      ว่าถึงเรื่องการวางแผนการศึกษาด้วยประกันชีวิต หัวหน้าครอบครัวคือคนหารายได้หลัก หรือบางครอบครัวก็มีรายได้กันสองคน โดยเฉพาะยุคนี้ยุคที่ ทุกคนต้องดิ้นรน จะเริ่มเข้าสู่ยุคเข้าของเเพง
อัตราเงินเฟ้อสูง ต้องทำงานกันทั้งสองคน บางคนก็มีการหย่าร้างกันไป ทำให้คนใดคนหนึ่งต้องแบกภาระเลี้ยงดูบตรคนเดียวหรือบางครอบครัวก็ทำงานทั้งคู่ ให้พ่อเเม่รับช่วงเเล้วลูกแทน ซึ่งดูจะเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย โดยเฉพาะสังคมชนบท ที่ลูกไปทำงาน กรุงเทพ ให้ปู่ย่า ตายายเลี้ยงหลานเเทน ช้ำร้ายบางรายให้ทวดเลี้ยง วกกลับมาเรื่องวงเวียนชีวิตอยู่ค่ะ ที่มีการเล่าถึงชีวิตรันทดชีวิต น่าสงสาร แล้วก็มีคนมาให้ความช่วยเหลือ แต่จะมีสักกี่คนที่รับความช่วยเหลือจริงๆ ทุกอย่างเค้าทำไปเพื่อจุดขายของรายการ
          วันนี้ทุกคนมีโอกาสได้สร้างกองทุนการศึกษาให้บุตรหลานแน่นอนถ้านึกถึงคำว่า''ประกันชีวิต''
แต่หลายคนยอาจจะเถียงในใจว่า วันนี้เงินจะกินยังไม่มีแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาทำประกันชีวิตล่ะ
คำตอบก็คือ สินค้าประกันชีวิตคุณสามารถกำหนดราคา ตามจำนวนเงินที่คุณสมารถเเบ่งได้ด้วยตัวคุณเองโดยไม่เดือดร้อนค่ะ เช่นเงินคุณ 100 %เเบ่งมาเพียงแค่ 10  % ซึ่ง เงิน 10% ของแต่ละครอบครัวได้ประประโยชน์เเละให้ความคุ้มครองต่างกัน เช่นบางคนอาจได้แค่ทุนประกัน 100,000 บาท หรือบางคนได้ทุนประกัน 1,000,000 บาทขึ้นความต้องการของคุณเเละพร้อมที่จะยอมรับเเละเปิดใจกับคำว่า ''ประกันชีวิต'' เเละ  ''ตัวเเทนประกันชีวิต''หรือไม่  ที่สำคัญคุณต้องเลือกตัวเเทนที่เป็นมืออาชีพ หรือตัวเเทนที่สามารถวางเเผนวิเคราะห์ความต้องการและความจำเป็นมากที่สุดในการทำประกันชีวิตของคุณได้ อย่าซื้อประกันชีวิตเพียงเพราะช่วยเหลือตัวเเทน เพียวเพราะเป็นญาติกัน เป็นเพื่อนกัน เพราะรำคาญ อย่าซื้อเกินกำลังความสามารถในการจ่ายเบี้ย  แต่ควรซื้อด้วยประโยชน์และความคุ้มค่าที่คุณได้รับ
       ถ้าคุณมีรายได้ 20,000 บาทค่อเดือน ควรเเบ่งเงินมาได้ไม่เกิน 2,000 บาทต่อเดือน จึงจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อนขาดสภาพคล่องในชีวิตประจำวัน ถ้าซื้อเพื่อกองทุกการศึกษาควรคำนวนว่าถ้าวันหนึ่งคุณจากไปลูกคุณเรียนจบเเน่นอนถึงระดับชั้นที่คุณคาดหวังไว้ มีหลายครอบครัว ที่หัวหน้าครอบควรจากไป ลูกๆต้องลาออกจากโรงเรียนทรัพย์สิน โดยยึด  ก็ยังมีมากมายในสังคมไทย
     แต่วันนี้ประกันชีวิตช่วยคุณได้มากทีเดียว ถ้าคุณซื้อความคุ้มครองให้หัวหน้าครอบครัวหรือคนที่หารายได้หลัก ด้วยเงิน เพียง 10% ของคุณ ขอให้คุณโชคดีค่ะ
   ชวัลย์ธาร

'' ประกันชีวิตคือสัญญาแห่งรัก''

ประกันชีวิตกับคนเพิ่มเริ่มต้นแต่งงานสร้างครอบครัว
  เมื่อคนสองคนเกิดความรักความรู้สึกที่ดีต่อกันจึงตัดสินใจเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่ร่วมกันตามธรรมชาติ
แต่การเเต่งงานไม่เหมือนในละครที่ชีวิตจะเเฮปปี้เอนติ้งเสมอไป การแต่งงานคือการก้าวผ่านช่วงชีวิตๆหนึ่งตือชีวิตโสด แต่การแต่งงานคือจุดเริ่มต้นการใช้ชีวิตร่วมกันของคนสองคน ที่จะต้องยอมรับและการปรับตัวเข้าหากัน การยอมรับข้อดีและข้อเสียของกันและกัน อย่าเพิ่งคิดว่าดิฉันแต่งงานเเล้วนะคะ
แต่ได้มีโอกาสเรียนรู้ชีวิตคู่ของคนรอบข้าง ที่บางครั้งสุขจนเราอิจฉา บางครั้งทุกข์จนฉันไม่อยากแต่งงาน
สุดท้ายก็เข้าใจสัจะธรรมว่า ชีวิตคู่มีทั้งสุขและทุกข์ ขอให้ทุกคนที่กำลังจะใช้ชีวิตคู่ ผ่านทุกอย่างไปได้ฯนะคะ
มาดูกันว่าทำไมคนเพิ่งเริ่มต้นแต่งงาน ต้องทำประกันชีวิต
        ในวันแต่งงานเจ้าบ่าวได้สัญญาว่าจะรักและดูแลเจ้าสาวแสนสวยของเขาตลอดไป แต่มีอะไรบ้างที่จะเป็นข้อยืนยันว่าคุณจะรักษาสัญญาแห่งรักนั้นไว้ได้ อะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณจะรักษาคำมั่นได้

ที่ดิน เงินสด แต่หลายคนคงนึกนะคะว่า เงินไม่สำคัญเท่ากับความรัก แต่ความรักอย่างเดียวชีวิตคู่คงอยู่ไม่ได้ ต้องถามตัวคุณเอง แต่ที่แน่ๆ ในยุคนี้หายากมากที่จะมีคนบูชาความรักจนถึงขั้นกัดก้อนเกลือกินจริงมั้ยคะ จำโฆษณาชิ้นนี้ได้มั้ยค่ะ
                        ไม่มีใครที่จะสัญญากับคนที่คุณรักได้ว่าคุณจะรักเเละดูแลกันได้ตลอดไป  ถ้าวันหนึ่งคุณออกจากบ้านไปเเล้วไม่มีวันได้กลับเข้าบ้านอีก คุณไม่มีวันรู้อนาคต วันนี้อยู่ด้วยกัน วันพรุ่งนี้อาจไม่มีเขาเเละเธออีกเเล้ว ไม่มีอะไรแน่นอน  ถ้ามีคนมาให้โอกาสคุณแล้วมาบอกว่า วันพรุ่งนี้คือวันสุดท้ายของคุณ คุณจะทำอะไรเพื่อคนที่คุณรักบ้าง? แต่คุณมีเวลาแค่วันเดียว เเละโชคดีกว่านั้นบริษัทประกันชีวิตหลายบริษัทมาให้โอกาสคุณทำประกันชีวิตเพื่อเป็นสัญญาเเห่งรักคุณคิดว่าจะทำไว้เท่าไหร่ดีคะ?
     นี่คือสัญญาแห่งรักของคนที่มีความรักอยู่ในหัวใจ
 '' ประกันชีวิตคือสัญญาแห่งรัก''
ชวัลย์ธาร

ประกันชีวิตกับคนโสด

ใครบ้างที่ต้องทำประกันชีวิต
        หลังจากที่ดิฉันศึกษาข้อมูลสินค้าขงบริษัทเเล้วว่าดีอย่างไร เหมาะสมกับใครบ้าง ใครบ้างที่มีความจำเป็นต้องทำประกันชีวิต ก็เริ่มศึกษากระบวนการขาย ว่าสินค้าดีและมีประโยชน์อย่างไรก็เริ่มเจาะลึกในแต่ละโครงการ และกลุ่มเป้าหมายที่จะขายสินค้าประกันชีวิต
กลุ่มเเรกคือคนโสด 22 -45 ปี
ความต้องการของคนโสดคือ เริ่มต้นตั้งเเต่เรียนหนังสือกว่าจะจบ ต้องใช้เงินพ่อเเม่หรือผู้อุปการะคุณไปเท่าไหร่คุณเคยคำนวณบ้างไหมคะ มาเริ่มเลย วัยประถมวัย กี่ปี?.....   จำนวนเงินเท่าไหร่.......?
                                                                           ชั้นประถม 6 ปี           จำนวนเงินเท่าไหร่.......?
                                                                           ชั้นมัธยม  6 ปี            จำนวนเงินเท่าไหร่.......?
                                                                           ปริญญาตรี 4-5ปี         จำนวนเงินเท่าไหร่.......?
                                                                           ปริญญาโท2 ปี            จำนวนเงินเท่าไหร่.......?
ยังไม่นับปริญญาเอกที่บางคนก็อาจได้ทุนหรือทุนตนเอง บางคนก็ยังเป็นบุพการีต้องส่งเสีย
คุณคงมีตัวเลขคำนวณในใจเเล้วว่าเท่าไหร่นะคะ เเล้วเคยคิดดูมั้ยคะว่าถ้าเรามาเริ่มทำงานและค่อยๆทยอยใช้คืนหรือตอบเเทนพระคุณท่านคือต้องใช้เวลานานเท่าไหร สมมติว่าวันนี้คุณ เริ่มต้นทำงาน
เงินเดือน 15,000 บาท หักค่าใช้จ่ายเเล้ว เก็บเดือนละ 2,000 บาท ปีละ3,6000 บาท 10 ปี 360.000 บาท
20 ปี 720,000 บาท เเล้วคุณจะเเน่ใจไดอย่างไรว่าเก็บได้เเน่นอน ถึงเป้าหมาย คุณอาจจะเจ็บป่วยเกิดอุบัติเหตุ หรือแต่งงานมีครอบครัว ก็อาจไม่มีโอกาสที่จะใด้ตอบแทนพระคุณบุพการี ซ้ำร้ายคุณอาจไปสร้างความเดือนร้อนให้ท่านอีกเช่น เจ็บป่วยโรคร้าย เกิดอุบัติเหตุ ตามที่ได้พบเห็นในข่าวหนังสือพิมพ์ เช่นบัณฑิตจบใหม่ เกิดอุบติเหตุ หลังฉลองปริญญากับเพื่อน หรือนักเรียนเเพทย์ ถูกฆ่าตกรรม หรือ บางรายอาจเจ็บป่วยโรคร้ายแรง หรือข่าววงเวียนชีวิต เคราะห์ซื้ำกรรมซัด หลายคนอาจไม่เคยจิตนาการถึงตนเองว่าจะเกิดขึ้กับครอบครัว หรือคนใกล้ตัว ทำให้ลืมนึกถึงประกันชีวิต ไม่ได้วางเเผนอนาคต
พอทำงานเริ่มมีเงินเดือนก็ เริ่มผ่อน สินค้า เริ่มจากรถ บ้าน สมัครบัตรเครดิต สินเชื่อ สุดท้ายไม่มีโอกาสตอบเเทนพระคุณเช่นเคย พอจะนึกออกเเล้วใช่มั้ยคะ ว่าคนโสดควรทำประกันชีวิต เพื่อใคร บางคนเคยเถียงว่าอยู่โสดยังไม่แต่งงานไม่จำเป็นต้องทำประกันชีวิตหรอก บุพการีคุณงัยคะ เบื้องต้นคุณต้องเริ่มต้นทำประกันชีวิตเพื่อคุ้มครองค่าความสามารถที่คุณมี ว่ามากเท่าไหร่ เเล้วแต่คุณจะตีราคาคุณค่าของคุณเอง ฉ๖๋"ฒ๋๕ซณฌฏฺฯ 10% ของรายได้ คุณจะไม่เดือดร้อน
อย่าให้ชีวิตคุณจากไปอย่าไร้ค่า คุณเคยคิดไหมคะว่าถ้ามีคนขับรถชนโคหนึ่งตัวจะมีมูลค่าเท่าไหร่? เขาจะทิ้งหรือนำเนื้อไปขาย ค่าความสามารถของคนโสด เช่นวิศวกร คุณหมอ ทนายความ และอีกหลายอาชีพล้วนเเล้วแต่เป็นบุคคลที่มีคุณค่าทางสังคม
      นอกจากนี้ คนโสดจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเก็บออมเงินเพื่อตนเอง เพราะวันหนึ่ง คุณอาจต้องใช้เงินก้อน เช่นซื้อ บ้าน รถ แต่งงาน ทำธุระกิจ ล้วนเเล้วแต่ต้องใช้เงินก้อน ถึงวันนั้นคุณไม่ต้องไปกู้ใคร
หรือไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร
ทั้งหมดนี้คือเหตุผลว่าทำไมคนโสดต้องทำประกันชีวิต คิดออกเเล้วใช่ไหมคะว่าถ้าคุณเป้นตัวเเทนประกันชีวิตคุณจะเริ่มต้นขายประกันชีวิตให้เพื่อนๆ ที่โสดด้วยกันอย่างไร
ชวัลย์ธาร

ประกันชีวิตในทัศนคติของฉันคือ

มาเริ่มรู้จักประกันชีวิตกันค่ะ
ประกันชีวิตในทัศนคติของฉันคือ
คือ สินค้าทางการเงินที่จะมาช่วยบรรเทาความเดือดเมื่อเกิดภัย เช่นเจ็บป่วย อุบัติเหตุ
คือการซื้อเงินสดด้วยเงินผ่อน
คือ กองทุนการศึกษาเพื่อบุตรหลาน
คือกองทุนยามเกษียณ
คือการลงทุนระยะยาว
คือการเก็บออม
คือสัญญาแห่งรักของคนที่รักคุณ ว่าถึงแม้จะจากไปก็จะดูแลคุณตลอดไป
คือความมั่นคงทางการเงิน
คือความอุ่นใจว่าเมื่อใดที่เกิดภัยเราไม่เดือดร้อนแน่นอน
คือการช่วยเหลือตนเองก่อนที่จะให้คนอื่นมาช่วย
คือการวางเเผนอนาคต
 สรุปง่ายๆ คือประกันชีวิตคือสิ่งที่มีคุณค่าตัวเองเเละสังคม แล้วทำไมประกันชีวิตคนไทยทุกคนไม่ทำประกันชีวิตทุกคน ฉันเคยคือเล่นว่าประเทศไทยน่าจะออกกฏหมายนี้นะประเทศของเราจะได้เจริญกว่านี้ พอคิดถึงตรงนี้ก็ต้องเลยคิด เพราะมันเป็นเรื่องที่ใกลตัว และฉันไม่สามารถทำได้ และขอภาวนาให้สำเร็จค่ะ
ชวัลย์ธาร

การสอบใบอนุญาติตัวเเทนประกันชีวิต

การสอบใบอนุญาติตัวเเทนประกันชีวิต
      เเน่นอนค่ะถ้าจะทำอาชีพตัวเเทนต้องเริ่มต้นจากการสอบใบอนุญาติซึ่งจำได้ ฉันเคยไปสอบครั้งหนึ่งเเละงงมากมึนไปหมด อะไรก็ไม่รู้มีเเต่ข้อกฎหมาย สุดท้ายก็เดาส่ง สรุปสอบตกค่ะ เเต่คราวนี้ฉันไม่มีวันพลาดแน่ เพราะฉันตั้งใจเต็มที่ ที่จะต้องได้รับใบอนุญาติตัวเเทนประกันชีวิตให้ได้ ฉันอ่านหนังสือแนวข้อสอบสามวัน ไม่น้อยกว่าวันละเเปดชั่วโมงอ่านจนตาลาย แต่สุดท้ายก็สอบผ่านค่ะ ได้รับใบอนุญาติมาดังตั้งใจ แต่ยุคนี้เค้ามีสอบแบบอมรมให้สองวัน และรับรองผลว่าผ่านเเน่นอนถ้าไม่เข้าสาย ไม่ทำผิดกฎ ง่ายกว่ากันเยอะ แต่มีค่าใช้จ่ายที่มากกว่าค่ะ
           หลังจากสอบผ่าน ฉัน ศึกษาข้อมูลอย่างจริงๆจัง เริ่มต้นจากสินค้าประกันชีวิต ว่ามีเเบบไหนบ้าง
เช่นแบบออมทรัพย์  ตลอดชีพ เเบบเงินได้ประจำ ชั่วระระยะเวลา  ว่าแต่ละเเบบมีความเเตกต่างกันอย่างไร เพราะหน้าที่ตัวเเทนประกันชีวิตคือคนที่จะไปชักชวนในลูกค้าให้ทำประกันชีวิตฉนั้นก็ต้องรู้อย่างชัดเจน ตัวแทนประกันชีวิตหลายคนที่เข้ามาทำอาชีพนี้ล้มเหลวและไม่ประสบความสำเร็จคือขาดความรู้ โดยเฉพาะสินค้าประกันชีวิต บางคนทำมาหลายสิบปีรู้เเค่เเบบเดียว ทำให้ขาดโอกาสที่จะไปเเนะนำลูกค้า
ถ้าคุณคิดจะรวยจากอาชีพนี้อย่าลืมเริ่มต้อนด้วยการศึกษาข้อมูลนะคะ ขอบอกว่าอย่างจริงจังเช่น
เเบบประกันที่ออกเเบบมาเพื่อการเกษียณทำความเข้าใจให้ได้ว่าเเบบประนั้นออกเเบบมาเพื่อใคร ทำไมถึงออกแบบนี้มา ใครบ้างที่เหมาะสมที่จะทำประกันเเบบนี้ เอาเป็นว่าถ้าจะเริ่มต้นต้องศึกษาอย่างละเอียดค่ะ
รู้ถ่องแท้ เข้าใจ อธิบายได้ จำในสมองได้ เขียนออกมาได้ บอกคนอื่นได้ ที่สำคัญรู้ตัวเองก่อนว่าเราเองเหมาะกับแบบประกันไหน เรียกว่าวิเคราะห์ความต้องการตัวเองได้ว่าควรทำแบบไหน ที่สำคัญอย่าลืมศึกษาบริษัทคู่เเข่งเวลาเราไปขายลูกค้าจะบอกว่าทำเเล้วทำกับบริษัทนั้นบริษัทนี้ หรือที่มีโฆษณาตามสื่อต่างๆ ค่ะ เพราะถ้าคุยเปิดตัวเมื่อไหร่หรือไปแนะนำใครต้องเจอคำถามเเน่นอน
แบบประกันทุกแบบ ทุกบริษัทไม่มีข้อแตกต่างกัน ราคาไม่ต่างกัน เพราะเป็นสินค้าควบคุมตามกฎหมาย
เป็นสินค้าที่ไม่สามารถเเข่งขันกันด้วยราคา แต่เค้าแข่งกันด้านการบริการ ก่อนหน้าฉันเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเบี้ยบางบริษัทถึงถูก และอีกบริษัทแพง เเต่ลองดูประโยชน์ ระยะเวลาส่งเบี้ย เงินครบสัญญาก็รู้ได้ทันทีว่ามีจุดแตกต่างกันถ้าเราได้เปรียบเทียบ กัน เเละข้อห้ามอย่างเด็ดขาคคืออย่าทับถม ตัวเเทนหรือบริษัทอื่น เพราะจะทำให้คุณอยู่ในอาชีพนี้ไม่นาน ฉนั้น ฉันคิดว่าคนที่ทำอาชีพนี้มาก่อนคือผู้มีพระคุณของฉัน เพราะเค้าเหล่านั้นได้มีความพากเพียร พยายาม ขยัน อดทน มุ่งมั่นเพื่อให้คนรู้จักประกันชีวิต
เเละรักษา สร้างตลาดประกันชีวิตให้อยู่คู่สังคมไทยมาได้ยาวนาน กว่า 70 กว่าปี ขอขอบคุณคุณครูทุกคนค่ะ ที่สำคัญขอบคุณผู้เอาประกันทุกคนที่ทำประกันชีวิตทำให้คนที่ไม่เคยทำคนที่ไม่เข้าใจประกันชีวิตหันมาเห็นประโยชน์ จากประกันชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าคุณครูจะทำประกันชีวิตจากใครบริาษัทไหน และตัวเเทนบริษัทอะไรทุกคนคือคุณครูค่ะ
ชวัลย์ธาร

การเริ่มต้นกับอาชีพตัวเเทนประกันชีวิต
    จากคนที่ไม่ชอบประกันชีวิต และไม่มีความรู้ความเข้าใจกับระกันชีวิตเลย อีกทั้งงานเดิมที่เคยทำ เพื่อนๆที่เคยคบไม่ได้เกี่ยวข้องกับการออมเงินเลย เชื่อว่าหลายคนคงเคยเจออย่างฉันนะ วันหยุด หรือวันเสาร์อาทิตย์ ก็จะชวนกันไปเที่ยวไปดูหนังช๊อปปิ้ง น้อยคนที่จะมาชวนกันไปหาที่ออมเงินคุณว่าจริงมั้ยคะ 
อีกทั้งงานขายสินเชื่อเงินสด หรือบัตรเครดิตก็จะต้องรู้จักแต่คนที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว กู้เเล้วกู้อีก จนไม่มีเงินเหลือใช้ประจำเดือน จนมาวันหนึ่งประกันชีวิตที่เคยส่งเบี้ยไประยะหนึ่งจากการโดนพี่สาวให้ช่วยเรื่องยอดขาย( ที่ไม่ชอบตัวเเทนประกันชีวิตเพราะว่าตัวเเทนส่วนใหญ่ชอบขอความช่วยเหลือช่วยให้ตัวแทนให้ทำประกันชีวิตพอช่วยไปเเล้วเขาก็เลิกจากอาชีพไป และเราก็ไม่มีตัวเเทนดูแลหลายท่านคงเคยเจอนะคะ)
เล่าต่อนะคะ ฉันมีโอกาสได้ใช้บริการประกันชีวิตที่ตอนนั้นทำไว้สองบริษัท aia เเละ ไทยประกันชีวิต
ก็เกิดมุมมองเปลี่ยนกับประกันชีวิตมากขึ้น ว่าประกันชีวิตที่เขาเคยมาขอให้เราช่วยเขาซื้อมันได้มีโอกาสช่วยเหลือเราเเล้ว จากการเกิดอุบัติเหตุ เหมือนยามที่เราเดือดร้อน เราไม่มีเงินก็มีคนมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ มีเงินชดเชยค่าเสียเวลาให้ อีกทั้งที่ประทับใจสุดๆ คือวันนั้นวันที่เดินไปเคลมสินไหมด้วยตนเอง เจ้าหน้าที่บอกว่ารอสักครู่ เเล้วก็เรียกเรามารับเงินเลยประทับใจจริงๆค่ะ บริษัทนั้นก็คือไทยประกันชีวิตค่ะ ที่สาขาอโศก รีบโทรกลับไปหาพี่สาว อ้อลืมบอกไปว่าพี่เป็นตัวเเทนบริษัทไทยประกันชีวิตค่ะประจำอยุ่สาขาอุตรดิตถ์
ถามพี่สาวว่าประกันชีวิตเค้าจ่ายง่ายอย่างงี้เลยเหรอ เราได้ยินมาว่าประกันไม่จ่าย จ่ายช้าบ้าง โกงบ้าง
แต่ด้านบวกเพิ่งเคยได้ยิน พี่สาวบอกว่า กรณีจำนวนเงินเคลมไม่มาก และเอกสารครบ ผู้เอาประกันไปเอง เเละบางสาขาของบริษัทจะมีสำนักงานสินไหมสามารถรอรับเงินได้เลย 
       วันนั้นมานั่งคิดว่าถ้าเราทำอาชีพอะไรสักก็ตาม ที่มีรายได้ดี ไม่มีขีดจำกัด ที่สำคัญไม่ต้องเบียดบังสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ที่สำคัญงานนี้น่าจะมีคุณค่า ตรงที่ได้ช่วยเหลือคนอื่นยามเดือดร้อน
ก็น่าจะดี วันนั้นตัดสินใจ เดินทางมาจังหวัดอุตรดิตถ์เพื่อสอบใบอนุญาติเป็นตัวเเทนประกันชีวิตในทีมงานพี่สาว เเต่ชีวิตการเริ่มต้นเป็นตัวเเทนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนะคะ เพราะไม่รู้จักใครเลยนอกจากครอบครัวพี่สาว ค่ะ
 จะล้มลุกคุกคามเเละพบกับปัญหาอุปสรรคอย่างไรมาติดตามดูนะคะ สำหรับคนที่จะเริ่มต้นและลงมือทำอาชีพตัวแทนประกันชีวิต ที่ไม่ง่าย และไม่อยากเกินไป ขอใจเต็มร้อย ค่ะ
ชวัลย์ธาร
              

เริ่มต้นประกันชีวิต

 การเริ่มต้นอาชีพตัวแทนประกันชีวิต

 ก่อนที่จะเริ่มทำอาชีพตัวเเทน ฉันใช้เวลาค้นหาตัวเองว่าเหมาะกับงานอะไรและตัวเองรักและชอบงานอะไรมากที่สุด ไม่เเน่ใจว่าจะเป็นโชคร้ายหรือโชคดีที่ได้มีโอกาสอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกตั้งแต่อายุ 20 ต้นๆ ทำให้ฉันมองหาทางลัดที่จะประสบความสำเร็จในอาชีพได้อย่างรวดเร็ว เเละกระโดดเข้าใส่อาชีพขายตรงการตลาดเเบบเครื่อข่ายชื่อดังเเห่งหนึ่ง  ขายตรงคืออาชีพเเรกที่สร้างความหวังความฝันสร้างวิมานในอากาศให้ฉันว่าสักวันหนึ่งจะมีอิสระภาพด้านเวลา เเละเงิน ในเวลาเดียวกัน จากการเห็นบุคคลตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จมาเเล้ว ทำให้ฉันลงมือทำอย่างเต็มที่เเละได้ตำเเหน่งที่สำเร็จระดับหนึ่ง แต่อยู่มาวันหนึ่งก็ตอบโจทย์ ตัวเองไม่ได้ว่าจะมีอิสระภาพได้อย่างไร ในเมื่อเข้ามาไม่ทันไรฉันสูญเงินสด เป็นหนี้บัตรเครดิตถ์ ทุกสถาบัน ร่วมๆ ครึ่งล้าน หันไปหาคนที่ชักชวนมาก็เหมือนกันหมด เราต่างสูญเงินจากการซื้อสินค้าตุน ซื้อบัตรชวนคนประชุม เข้าอบรม เช่าสำนักงาน จัดประชุม หรือเซนต์เตอร์  ในที่ประชุมเราคือคนมุ่งมั่นคิดบวก สร้างภาพให้คนใหม่ที่เพิ่งเข้าเห็น ว่าเราคือคนมาพลัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าพวกเราจะสำเร็จไปด้วยกัน แต่หารู้ไม่ว่าเบื้องหลังเราหมดเเรง ไม่มีเเม้กำลังใจจะให้ตัวเอง เพราะวันนี้ไม่มีเงินเลยแม้แต่ค่าเเท็กซี่ ค่าน้ำมัน เพื่อเราหลายคนคนเเล้วคนเล่าเข้ามาสู่อาชีพขายตรงเเล้วก็หายไป หรือในภาษาเรียกหลับนั่นเอง ฉันอดทนดันทุรังทำต่อไปจนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าผ่อนบ้าน เรีกว่าหมดตัวนั่นเอง มองไปหาอัพไลน์ ที่ชวนมาก็เหมืือนกันบางคนทำมา สิบปีก็ยังเหมือนเดิมชีวิตไม่ดีขึ้น มีแต่หนี้ 

มีตำแหน่ง มีรายได้ไม่คุ้มค่าใช้จ่าย ใช็เงินซื้อตำแหน่งปิดยอด เรียกว่าตุนสินค้า สร้างหนี้ไหม่เป็นดินพอกหางหมูเรื่อยๆ จนมาวันหนึ่งถึงวันอวสานฉันตัดสินใจลาออก ไปทำอาชีพอิสระ  เเรกๆก็สนุกฉันไปเป็นตัวเเทนขายสินเชื่ออิสระให้ธนาคารต่างชาติเเห่งหนึ่ง ฉันติดท๊อปเซล ของหน่วยงานในเดือนที่สอง ด้วยความที่ฉันได้ประสบการณ์ จากอาชีพขายตรง ที่ฝึกฝนทักษะการขายทำให้งานนั้นสบายๆสำหรับฉัน แต่อยู่มาวันหนึ่งฉันเริ่มนึกถึงหนังสือที่เคยอ่านคือพ่อรวยสอนลูก ฉันตัดสินใจมองหาโอกาสให้ตัวเองอีกครั้ง โดยการก้าวเข้าสู่อาชีพตัวเเทนประกันชีวิต

เเล้วจะเล่าให้ฟังนะคะว่าฉันเริ่มต้นทำอย่างไร

ชวัลย์ธาร

ตัวเเทนประกันชีวิต

ตัวเเทนประกันชีวิต                                                                        คือวิชาชีพหนึ่งที่หลายคนยอมรับว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้อย่างมหาศาลอย่างรวดเร็วเเละเป็นอาชีพที่ใครๆก็สมัครเข้ามาทำได้ เพียงเเค่ เป็นคนสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะ พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย เเละผ่านการสอบเข้าอบรมขอรับใบอนุญาติตัวเป็นเเทนประกันชีวิตกับบริษัทต่างๆตามที่ได้รับการชักชวนจากตัวเเทนประกันชีวิตที่เป็นประสบความสำเร็จมาก่อน ซึ่งขณะนี้บริษัทประกันชีวิตก็มีทั้งบริษัทคนไทยและบริษัทต่างประเทศยักษ์ใหญ่ที่มองเห็นโอกาสว่าประเทศไทยคือขุมทรัพย์มหาศาลที่น่ามาลงทุนของธุระกิจประกันชีวิต หลายคนร่ำรวยจากอาชีพนี้หลายคนล้มละลายจากอาชีพตัวเเทน แต่อย่าเพิ่งตกใจค่ะว่าเป็นตัวแทนประกันชีวิตทำไมต้องล้มละลายเลย มีบ้างค่ะเพราะอาชีพตัวเเทนเป็นอาชีพที่ต้องมีความซื่อสัตย์มากๆ ขอย้ำว่าต้องซื่อสัตย์จะต้องอยู่กับเงินที่ไม่ใช่เงินของตังเองเป็นตัวกลางที่จะนำเงินลูกค้าส่งบริษัทต้นสังกัด ตัวเเทนมีหน้าที่ชักชวนลูกค้าทำประกันชีวิตเเละได้รับมอบหมายจากทางบริทางบริษัทให้สามารถออกใบเสร็จรับเงินให้ลูกค้าในนามของบริษัทได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเบี้ยประกันมีตั้งเเต่ ปีละไม่กี่ร้อยบาท ถึงหลักหลายล้าน ตามความสามารถการขายของตัวเเทนประกันชีวิต ทำให้หลายคนเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ คิดเสมือนว่าเงินลูกค้าคือเงินตัวเอง จนทำให้ทั้งลูกค้าและบริษัทต้นสังกัดฟ้องร้อง นี่แหล่ะค่ะ สาเหตุหลักๆ ของการล้มละลายของอาชีพตัวเทนประกันชีวิต                                                                        ถ้าคุณคือคนหนึ่งที่จะทำอาชีพตัวเเทนประกันชีวิตคุณจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้

เป็นคนที่มีความรักงานขายงานบริการ ชอบช่วยเหลือคนอื่นกำลังมองหางานเสริม หรือไม่พอใจในอาชีพเดิม ชอบงานท้าทาย มีความฝัน อยากมี อยากดี อยากได้ มีฐานตลาดพอสมควร  รักความก้าวหงาน ขยัน มุ่งมั่น อดทน กระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลา คิดบวก มีความซื่อสัตย์ เป็นคนดีนั่นเอง

รักในเพื่อนมนุษย์ ลองมองหาสิ่งเหล่านี้ในตัวคุณ คุณคือคนหนึ่งที่จะทำอาชีพนี้จนประสบความสำเร็จ

เเล้วจะมาเล่านะคะว่าท่านจะเริ่มต้อนอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ มาเริ่มต้นเเละฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกันนะคะ

บันทึกจากตัวเเทนประกันชีวิต                                                                                                                 ชวัลย์ธาร